หนุ่มใหญ่ใช้เทปกาวพันรอบใบหน้าฆ่าตัวตาย

            สลด! หนุ่มใหญ่คิดสั้นใช้เทปพันรอบใบหน้าฆ่าตัวตาย ในบ้านพักย่านสายไหม ตร.เชิญญาติให้ปากคำเพิ่ม

เกิดเหตุคนฆ่าตัวตายภายใน หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ถนนสุขาภิบาล 5 แขวงออเงิน เขตสายไหม ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นทาวน์โฮม สูง 4 ชั้น ปลูกติดเรียงกัน 6 คูหา โดยเปิดเป็นบริษัทออกแบบผลิต และจำหน่าย ส่งออก-นำเข้า เครื่องหนัง

โดย พ.ต.ต.ฉัตรชัย คู่สันเทียะ สว.(สอบสวน) สน.สายไหม ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบศพนายทองมา อายุ 44 ปี เสียชีวิตบริเวณชั้นที่ 4 สภาพนอนหงาย สวมเสื้อยืดแขนยาวสีดำ กางเกงยีนส์ขายาว

บริเวณมือทั้งสองข้างถูกพันธนาการด้วยเชือกฟางติดอยู่กับหัวเตียง ที่บริเวณศีรษะจนถึงลำคอมีเทปกาวแบบใส พันบริเวณโดยรอบเต็มทั่วใบหน้า จากการตรวจสอบภายในห้องพักดังกล่าวไม่มีร่องรอยการต่อสู้หรือรื้อค้นแต่อย่างใด

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ผู้เสียชีวิตอาจเกิดความเครียดเรื่องปัญหาทางด้านธุรกิจ ก่อนลงมือก่อเหตุโดยมัดเชือกฝางเป็นวงไว้ที่หัวเตียงตั้งสองข้าง ก่อนใช้เทปใสพันรอบใบหน้าแล้วเอามือทั้งสองข้างคล้องเข้าไปให้บ่วงเชือกเพื่อไม่ให้ช่วยเหลือตัวเองได้จนขาดอากาศหายใจเสียชีวิต

ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเชิญญาติคนสนิทของผู้เสียชีวิต มาทำการสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อสรุปหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

ที่มา:sanook

นักศึกษาสาวจีนถูกบังคับถ่ายรูปโป๊ ค้ำประกันเงินกู้

               สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า (16 มิ.ย.) น.ส.หลี่ นักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เข้าร้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากถูกนายทุนหน้าเลือด ซึ่งเธอไปกู้เงิน 500 หยวน (ประมาณราว 2,500 บาท) ด้วยอัตราดอกเบี้ย 30 เปอร์เซ็นต์ต่อสัปดาห์ 

โดยก่อนกู้เงิน น.ส.หลี่ จะต้องยื่นสำเนาบัตรประชาชน บัตรนักศึกษาและข้อมูลของครอบครัว นอกจากนี้ เจ้าหนี้บังคับให้เธอส่งรูปเปลือยที่ถือบัตรประชาชน เพื่อเป็นการค้ำประกัน ซึ่ง น.ส.หลี่ ทำไปด้วยความไม่เต็มใจ ซึ่งเจ้าหนี้ขู่ว่าจะปล่อยรูปดังกล่าวในโซเชียลฯ หากเธอไม่จ่ายเงิน

แต่หลังจาก 4 เดือนผ่านไป ยอดหนี้พร้อมดอกเบี้ยของเธอก็พุ่งสูงกว่า 55,000 หยวน (ประมาณ 277,000 บาท) เธอจึงตัดสินใจบอกครอบครัวและแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเธอระบุว่า มีนักศึกษาที่ตกเป็นเหยื่ออีกมากมาย แต่ไม่กล้าพูดออกมา

ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ย 30 เปอร์เซ็นต์ต่อสัปดาห์ ถือว่าสูงเกินกว่าที่กฎหมายจีนกำหนด และการบังคับให้ลูกหนี้ส่งภาพเปลือยเพื่อค้ำประกัน ก็ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายอย่างชัดเจน

ที่มา:sanook

พบแล้วศพเด็ก 2 ขวบ จระเข้งาบลงน้ำที่ดิสนีย์เวิลด์ ฟลอริดา

         จากกรณีที่จระเข้ทำร้ายเด็กชายวัย 2 ขวบ พร้อมกับลากร่างลงไปในน้ำ ต่อหน้าต่อตาพ่อแม่ที่พยายามช่วยลูก บริเวณรีสอร์ทแห่งหนึ่งในพื้นที่สวนสนุกดิสนีย์เวิลด์ รัฐฟลอริดา เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 21.30 น. วันที่ 14 มิ.ย. 

ล่าสุด (15 มิ.ย.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ พบร่างไร้วิญญาณของเด็กชายวัย 2 ขวบ ที่ถูกจระเข้ตัวหนึ่งงาบลงไปในน้ำ หลังจากที่เดินทางมาท่องเที่ยวสวนสนุก ดิสนีย์เวิลด์ และเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งบริเวณใกล้เคียงสวนสนุก

โดย จอร์รี เดมมิ่ง นายอำเภอออเรนจ์ เคาน์ตี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เจ้าหน้าที่สามารถกู้ศพของเด็กชายวัย 2 ขวบได้แล้ว โดยศพของเขายังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ตอนนี้ศพถูกลำเลียงไปยังสำนักงานการแพทย์ออเรนจ์ เคาน์ตี เพื่อชันสูตรต่อไป 

ด้าน นายนิค วิลีย์ หัวหน้าคณะกรรมาธิการประมงและอนุรักษ์สัตว์ป่าฟลอริดา เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่พิทักษ์สัตว์ป่าจับและสังหารจระเข้จากทะเลสาบดังกล่าวไปแล้ว 5 ตัว เพื่อตรวจสอบหาร่องรอยของหนูน้อย แต่ไม่พบหลักฐานใดๆ ว่าพวกมันเกี่ยวข้องด้วย

ที่มา:sanook

ช็อกหนักมาก! เจอตัวเงินตัวทองยักษ์ ปีนประตูจะเข้าบ้าน

                 (15 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โลกออนไลน์แชร์ภาพสุดสะพรึง จากผู้ใช้เฟซบุ๊ก Attanai Thaiyuanwongชาวจ.นนทบุรี โดยเป็นภาพของตัวเงินตัวทองขนาดใหญ่ ยาวประมาณ 2 เมตร เรียกว่าเท่าจระเข้เลยทีเดียว กำลังปีนอยู่บริเวณประตูบ้าน คาดว่ามันพยายามจะเข้าไปกินสุนัขที่เจ้าของบ้านเลี้ยงไว้

ทั้งนี้ คนในบ้านพยายามหาวิธีจับให้ตัวเงินตัวทองออกไปด้วยการใช้เชือกทำเป็นบ่วงคล้อง ซึ่งแต่ละครั้งที่เจ้าตัวเงินตัวทองสะบัดหางก็สร้างความหวาดเสียวและทำให้ข้าวของในบ้านเสียหายอีกด้วย

ที่มา:sanook

การบินไทยดีเลย์ 3 ชั่วโมง เครื่องบินน้ำมันรั่ว คนแห่ลง-หายใจไม่ออก

          เครื่องบินการบินไทย TG218 ที่ ภูเก็ต เกิดเหตุน้ำมันรั่ว ส่งผลดีเลย์กว่า 3 ชั่วโมง ผู้โดยสารไม่ทนรอ หายใจไม่ออก ยอมตีตั๋วสายการบินอื่นกลับกรุงเทพฯ

เมื่อคืนวานนี้ (14 มิ.ย.) มีรายงานว่า เกิดเหตุขัดข้องบางอย่างกับสายการบินไทย เที่ยวบิน TG218 เส้นทางระหว่างสนามบินนานาชาติภูเก็ต เดินทางสู่สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ เนื่องจากเกิดเชื้อเพลิงรั่วไหล ทำให้เกิดการล่าช้าถึง 3 ชั่วโมง

ตามรายงานระบุว่า TG218 ของสายการบินไทย เดิมมีกำหนดออกเดินทางจากภูเก็ต เวลา 19.00 น. แต่กระทั่งเวลา 21.30 น. ของวันเดียวกันนั้น เครื่องบินก็ยังไม่สามารถออกเดินทางได้ โดยที่ลำเลียงผู้โดยสารทั้งหมดขึ้นเครื่องบินแล้ว

ซึ่งจากเหตุการณ์มีรายงานว่า ผู้โดยสารบางส่วนที่นั่งรออยู่บนเครื่องบิน เริ่มมีอาการหายใจติดขัดหรือหายใจไม่ออก เนื่องจากอากาศไม่ถ่ายเท บางส่วนเริ่มหมดความอดทนกับการล่าช้า จนต้องตัดสินใจลำเลียงผู้โดยสารทั้งหมด 260 คน กลับไปที่อาคารผู้โดยสาร

ทั้งนี้ ผู้โดยสารบางส่วนยังตัดสินใจซื้อตั๋วเครื่องบินของสายการบินอื่น เพื่อเดินทางกลับไปยังกรุงเทพฯ เนื่องจากมีภารกิจสำคัญ และอีกส่วนก็เริ่มไม่เชื่อมั่นในความปลอดภัย เนื่องจากก่อนหน้านี้เพียงไม่ถึงสัปดาห์ เพิ่งเคยเกิดเหตุกับเที่ยวบิน TG111 ที่ จ.เชียงใหม่ มาแล้ว ทำให้ต้องบินวนกลับลงจอดฉุกเฉิน

อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดกรณีดังกล่าว ทางการบินไทยได้ออกมาชี้แจงว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเหตุขัดข้องทางเทคนิค หลังจากที่นักบินพบปัญหาเกี่ยวกับระบบเชื้อเพลิง ก่อนจะนำเครื่องบินขึ้น ทำให้ตัดสินใจวนกลับไปที่หลุดจอดและทำการซ่อมแซม

กรณีดังกล่าวทำให้เกิดความล่าช้าจากกำหนดการเดิมราวๆ 3 ชั่วโมง ก่อนที่เที่ยวบิน TG218 สายการบินไทย จะนำเครื่องขึ้นบินอีกครั้งในเวลา 22.30 น. และเดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิอย่างปลอดภัย เมื่อเวลาประมาณ 23.40 น. ในวันเดียวกันนั้นเอง

ที่มา:sanook

กราดยิงเอ็ม 16 ลูกจ้างสาวดับคาอู่ แฟนหนุ่มวิ่งหลบรอดหวุดหวิด

             สองคนร้ายบุกกราดยิงเอ็ม 16 ถล่มพนักงานสาวอู่ซ่อมรถยนต์เสียชีวิตคาที่ แฟนผู้ตายวิ่งหลบได้ทันได้รับบาดเจ็บที่ข้อมือ

(14 มิ.ย.) เมื่อเวลา 12.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.แม่โจ้ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งเหตุทำร้ายกันด้วยใช้อาวุธปืน มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 รายและได้รับบาดเจ็บ 1 ราย เหตุเกิดที่บริเวณอู่ซ่อมรถชื่อกิจเจริญยนต์ ตั้งอยู่เลขที่ 1 หมู่ 10 ต.หนองหาร อ.สันทราย จึงได้รีบรุดเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุบริเวนด้านหลังอู่ซ่อมรถ พบศพ น.ส.เกษสุดา อายุ 34 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนสงครามเข้าตามร่างกายถึง 12 นัด นอนเสียชีวิตในสภาพคว่ำหน้า

โดยมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บอีก 1 รายชื่อ นายเอ็ม แฟนผู้ตาย ได้รับบาดเจ็บข้อมือขวาขณะวิ่งหลบหนีลูกกระสุน เบื้องต้นพบว่าปลอกกระสุนปืนคาดว่าเป็นอาวุธปืนเอ็ม 16 โดยบริเวณที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนถึงจำนวน 12 นัด

จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ขณะที่ น.ส.เกษสุดา กับแฟนหนุ่มกำลังทำงานที่อู่ซ่อมรถดังกล่าว ได้มีคนร้ายเป็นชาย 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟสีขาว-แดง ผู้ขับขี่สวมหมวกกันน็อคสีขาวคนซ้อนสวมหมวกสีดำเข้ามาในอู่ดังกล่าวก่อนที่จะนำอาวุธปืนเอ็ม 16 ที่ซุกซ่อนไว้ในกระสอบปุ๋ยออกมากราดยิงทั้งคู่จำนวน 12 นัด

หลังจากนั้นก็ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีเข้าไปทางตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้วิทยุสกัดจับผู้ต้องสงสัยแต่ก็ยังไร้วี่แววโดยทางเจ้าหน้าที่จะทำการติดตามแกะรอยเส้นทางหลบหนีจากกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงและเส้นทางที่หลบหนีเพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีกฎหมายให้ได้โดยเร็วที่สุด

ส่วนสาเหตุของปมสังหารในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งประเด็นไว้คือเรื่องของชู้สาว เรื่องของปมขัดแย้งส่วนตัวซึ่งต้องรอการสืบสวนสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป

ที่มา:sanook

เปิดคำสารภาพไอ้หื่น ใช้เหล็กฟาดคิดว่าตายแล้วทั้งแม่ลูก

            ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (13 มิ.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. สภ.สว่างแดนดิน ได้ควบคุมตัว นายสุรศักดิ์ หรือ แจ๊ค อายุ 25 ปี ชาวบ้านหมู่ 6 บ้านโคกหลวง ต.ธาตุทอง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร หลังก่อเหตุฆ่า นางจิราภา อายุ 39 ปี เสียชีวิตคาบ้านพัก และ ด.ญ.แป๋ว (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเมื่อเวลา 02.00 น. ของวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบสวนเครียดนานกว่า 4 ชั่วโมง

พ.ต.ท.อุบล วงศ์รักไทย รอง ผกก. (สืบสวน) สภ.สว่างแดนดิน กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ และพยานที่อยู่ในเหตุการณ์คือ ด.ญ.แป๋ว (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี ซึ่งได้ให้การว่า นายสุรศักด์ หรือ แจ๊ค เป็นคนเข้าไปก่อเหตุ จึงได้ติดตามสอบถามทางบ้านญาติ พบว่าไปหลบอยู่ที่บ้านอาที่ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี

จากการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้กินเหล้ามากพร้อมเสพยาบ้า 3-4 เม็ด จึงไม่สามารถจำอะไรได้มากนัก ซึ่งเจ้าหน้าที่มั่นใจในหลักฐานที่ใช้กระทำความผิด เช่น กางเกงขาสั้นที่ใช้ก่อเหตุ ยังมีคราบเลือดของผู้ตาย

นอกจากนี้ ยังได้หลักฐานสำคัญคือ กระจุกผมคนร้ายที่อยู่ในมือของผู้ตาย ได้ส่งไปตรวจดีเอ็นเอแล้ว และเจ้าหน้าที่พบอาวุธที่ใช้ก่อเหตุคือเหล็กแหลมแล้ว ส่วนพยานบุคคลคือบุตรสาวขณะนี้ยังหวาดระแวงกับเหตุการณ์ ให้การเป็นประโยชน์บางส่วน

เบื่องต้น เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา เสพสารเสพติด บุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน กระทำอนาจารบุคคลอายุเกินกว่า 15 ปี โดยใช้กำลังประทุษร้ายเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำถึงแก่ความตาย ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพยายามฆ่าผู้อื่น

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม กล่าวว่า หลังถูกจับกุมผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า วันเกิดเหตุฝนตกหนัก ตนได้เปิดประตูหลังบ้านเข้าไปเนื่องจากไม่ได้ใส่กลอนทั้ง 2 ประตู หลังจากนั้นก็ไปคว้าเอาเหล็กแหลมยาวประมาณ 1 ฟุต ซึ่งเป็นเหล็กสำหรับงานก่อสร้าง ที่อยู่หลังตู้ในบ้าน ตรงเข้าหมายจะบังคับขืนใจผู้ตายซึ่งนอนอยู่ที่เตียงนอนชั้นล่าง โดยไม่รู้ว่าผู้ตายมีบุตรสาวมาอยู่เป็นเพื่อน

ระหว่างนั้นพยายามจะปลุกปล้ำขืนใจแต่ไม่สำเร็จ ผู้ตายร้องเรียกบุตรสาวมาช่วย ทำให้ตนใช้เหล็กฟาดที่ใบหน้าและลำตัวหลายครั้งจนแน่นิ่งไป ส่วนลูกสาวที่วิ่งเข้ามาช่วยได้ฟาดไปหลายครั้งและแน่นอนฟุบแน่นิ่งไปเช่นกัน ตนเข้าใจว่าเสียชีวิตทั้งแม่และลูกแล้ว จึงออกจากบ้านที่เกิดเหตุ แต่ตอนเช้าชาวบ้านมาบอกว่าลูกสาวรอดทำให้ตกใจ เกรงลูกสาวมาชี้ตัว จึงหนีผิดไปกบดานที่บ้านญาติดังกล่าว

 

 

 

 

ที่มา:sanook