"เอ พศิน" แถลงทวงคืนเงินค่าตัวนับล้านบาท!!! หลังถูกเจ้าของรายการท่องเที่ยวโกงอ่วม 30 เทป ลั่นงานนี้อีกฝ่ายต้องรับผิดชอบ ไม่อยากให้ติดค้างกันถึงชาติหน้า
เจอแบบนี้เข้าไปก็เงิบเหมือนกัน สำหรับคุณพ่อลูกอ่อน "เอ พศิน เรืองวุฒิ" หลังถูกรายการแนวท่องเที่ยว Like สาระ Siam Signature Story ซึ่งออกอากาศทางช่องเคเบิ้ล โกงเงินค่าตัวพิธีกร ทั้งหมด 30 เทป รวมมูลค่ากว่า 1,000,000 บาท
โดยล่าสุดขณะที่หนุ่ม เอ พศิน เดินทางมาร่วมบันทึกเทปรากยาร "ปากโป้ง" ทางช่อง 8 เจ้าตัวก็ได้ถือโอกาสออกมาเปิดใจถึงเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมทั้งยืนยันอีกว่างานนี้จะขอเดินหน้าทวงคืนความถูกต้องให้ถึงที่สุด...
"เรื่องนี้เริ่มต้นเมื่อ 2 ปีก่อนครับ พอดีว่ามีน้องเอ็กซ์ตร้ารายการเกมส์โชว์ท่านหนึ่งเขาอยากมีรายการเป็นของตัวเอง เขาก็เลยมาติดต่อให้ผมช่วยไปเป็นพิธีกร โดยจะต้องถ่ายเดโม่ก่อน 2 เทป เพื่อส่งให้ทางช่องพิจารณา ซึ่งเขาก็ให้ค่าตัวผมมาด้วย 2 เทป ผมก็เลยมองว่าระบบมันค่อนข้างหน้าเชื่อถือ จากนั้นเราก็ถ่ายทำกันมาเรื่อยๆ โดยมีแพลนว่าจะถ่ายกันทั้งหมดประมาณ 30 เทป แต่หลังจากที่เราถ่ายทำกันมาเรื่อยๆ ผมก็เริ่มเอะใจว่าทำไมรายการถึงไม่มีสปอนเซอร์ทั้งๆ ที่เราถ่ายทำกันหลายประเทศมากๆ แถมตัวผมเองก็ยังไม่ได้ค่าตัว"
"จนประมาณใกล้ๆ เทปที่ 30 เขาก็มาเล่าแบรคกราวด์ชีวิตเขาให้ผมฟัง ซึ่งดราม่ามาก เขาถูกครอบครัวตัดห่างปล่อยวัดเพราะเขาเป็นเพศที่สาม แต่ถ้าสามาารถพิสูจน์ตัวเองด้วยรายการทำรายการนี้ได้ คุณพ่อเขาก็ให้เงิน 30 ล้านบาท เพื่อทำรายการ ซึ่งเรื่องนี้ทีมงานทุกคนทราบหมด ทุกคนก็หวังว่าจะเดี๋ยวเราจะได้เงิน ส่วนผมก็หวังว่าจะได้เงินค่าตัว 7 หลัก โดยคิดเป็นเทปละประมาณ 25,000 บาท บวกเงินค่ากำกับอีกนิดหน่อย เพราะเขาไม่มีผู้กำกับ รวมๆ แล้วก็ตกเป็นเงินประมาณเกือบ 30,000 บาท ซึ่งถือว่าราคาย่อมเยามากๆ"
"แต่หลังจากที่เราถ่ายทำกันมาประมาณปีกว่าๆ ช่วงเดือนเมษายนปีที่แล้ว ก็มีการจัดทัวร์เกาหลีเกิดขึ้น เขาจัดบริษัททัวร์ขึ้นมา เอาเงินจากลูกทัวร์ แต่ก็มีปัญหาตามมาอีกว่า ทำไมถึงไม่ไป ทำไมถึงไม่บินสักที อยู่ดีๆ ก็แคนเซิลไฟท์ รายการกำลังจะไปถ่ายที่ฮ่องกงก็ถูกแคนเซิล ตอนนั้นผมเลยรู้สึกว่ามันแปลกๆ จึงตัดสินใจโทรหาบริษัททัวร์ที่เข้ามาเป็นสปอนเซอร์ ซึ่งปรากฏว่าบริษัททัวร์ไม่ทราบเรื่องเลย แถมยังบอกวอีกว่าเขาไม่ได้เป็นสปอนเซอร์ตั้งแต่เทปแรก หลังจากนั้นครับเขาก็หายไป รายการที่ถ่ายไว้ก็ถูกยุบ แต่เขาก็มาคุยมาขอโทษนะครับ บอกว่าเขาไม่น่าโกหกเลย รวมถึงรับปากผมว่าจะชดใช้ให้ คือดูน่าสงสารมากจริงๆ แต่ตอนนี้ผ่านมา 2 ปีแล้วครับ ยังไม่มีการติดต่อใดๆ จากเขาเลย"
"เท่าที่ทราบตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าเขาเองก็เริ่มชดใช้ให้กับบางท่านที่ทวงถาม หรือบางท่านที่ฟ้องร้อง เพราะมีการไปขึ้นศาลกันด้วย รวมถึงมีการถูกจับที่ ตม. ซึ่งเรื่องพวกนี้ผมไม่ค่อยทราบข้อมูลสักเท่าไหร่เพราะผมงานยุ่ง แต่เหมือนว่าช่วงนี้มันจะเป็นช่วงดีเดย์หรือยังไงไม่ทราบ ผมถึงได้เห็นจุดด่างที่ชัดเจนว่ามันยังมีอะไรที่ติดค้างกันอยู่ ซึ่งเขาก็น่าจะมาแก้ไขรับผิดชอบในเรื่องนี้ได้แล้ว คือคุณไม่มีเงินไม่ผิดครับ ไม่มีโอกาสเราให้ได้ แต่การที่คุณโกง คุณโกหก คือเรื่องผิดครับ คุณต้องรับผิดชอบในสิ่งที่คุณทำ"
ตอนนี้เราดำเนินการไปแล้วยังไงบ้าง ?
"นี่คือการดำเนินการครั้งแรกของผมครับ ผมอยากให้เขารับรู้ แต่ว่ายังไม่ได้มีการฟ้องร้องคดีอะไรเลย เพราะเท่าที่ผมทราบท่านอื่นๆ ที่เขาเคยติดค้างอยู่ก็มีการชดใช้ใกล้จะหมดแล้ว แต่ของผมยังไม่มีท่าทีอะไรเลย ดังนั้นก็อยากรู้ว่าเขาจะเข้ามาคุยกันหน่อยไหม เพราะที่ผ่านมาตัวผมเองก็ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับสื่อใดๆ และดูเขาเพิกเฉยเกินไปก็เท่านั้นเอง"
เราถ่ายไป 30 เทป ไม่เอะใจเลยเหรอ ?
"เอะใจครับ แต่ตอนนั้นผมไม่คิดว่าผมจะไม่ได้เงิน ยิ่งเรารู้สึกไว้ใจเขา เราอยากให้โอกาสเขาด้วย เพราะผมเคยส่งเขาไปบำบัดเรื่องการไม่เชื่อมั่นในตัวเองด้วยนะ"
กลัวไหมว่าหลังจากนี้เขาจะไปทำกับคนอื่นอีก ?
"ที่ผมต้องออกมาพูดวันนี้ก็เพราะผมทราบว่าเขาเองก็ยังใช้ชีวิตแบบปกติอยู่ แล้วเขาอาจจะเอาโปรไฟล์รายการนี้ไปต่อยอดทำอะไรอย่างอื่น ซึ่งเขาทำได้นะครับผมไม่ว่า แต่อยากให้เขาเคลียร์ปัญหาเก่าๆ ก่อน ผมไม่อยากให้ติดค้างกันไปถึงชาติหน้า"
จะเดินหน้าติดต่อเขาต่อไปไหม เพื่อที่จะคุยกัน ?
"เขาต้องติดต่อผมมา เพราะผมทำมากที่สุดได้แค่นี้ ถ้าเขาไม่รับผิดชอบก็เป็นกรรมของคุณแล้วล่ะ แต่ถามว่าจะมีการดำเนินคดีไหม ก็คงไม่ครับ นี่คงเป็นการพิพากษาขั้นรุนแรงที่สุดของผมแล้ว ถ้าเขามีสำนึกเขาต้องติดต่อกลับมาและชดใช้ ส่วนเรื่องเงินผมเชื่อว่ายังไงก็ไม่มีทางได้ครบครับ"
เรากลัวไหมว่าเราจะโดนเขาฟ้องร้องกลับ ?
"ฟ้องมาเลยครับ ผมมีพยานเยอะครับ เป็นพยานบุคคล แต่ว่าผมไม่มีเอกสารหลักฐานหรืออะไร เพราะผมไม่เคยทำสัญญา เวลาผมเล่นละคร ออกรายการ ผมก็ไม่มีสัญญา ผมใช้ความเชื่อใจมาตลอด จนกระทั่งทุกวันนี้ ใจสำคัญที่สุด เขาทำลายตรงนี้ไป ฉะนั้นเขาต้องใช้ใจมารับผิดชอบ"
ก่อนเราจะมาออกรายการวันนี้เราได้ติดต่อเขาไหม ?
"ผมโทรไปตลอดครับ เขาปิดมือถือครับ คือเดี๋ยวนี้มือถือมันเปลี่ยนกันง่ายๆ แต่หน้าตาเปลี่ยนไม่ได้ครับ เว้นแต่คุณจะศัลยกรรม"
เห็นว่าก่อนหน้านี้ที่เราโพสต์อินสตาแกรมเรื่องค่าตัวนักแสดง เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า ?
"อ๋อ...อันนั้นเป็นการทวงตามปกติครับ เพราะผมคือหนึ่งในนักแสดงที่ได้ค่าตัวช้า ดังนั้นผมก็อยากให้ทางค่าย ทุกค่ายเลยนะครับ ช่วยมีความชัดเจนในการชำระเงินค่าตัวนักแสดง แต่หลังจากที่ผมโพสต์ไปก็เช็คออกเลยครับทั้ง 2 ช่อง (ยิ้ม) คือผมแค่ต้องการบอกให้เขารู้เฉยๆ ว่านักแสดงลำบากจริงๆ ถ้าระบบการจ่ายค่าตอนเป็นแบบนี้ต่อไป"
เจอแบบนี้เข้าไปก็เงิบเหมือนกัน สำหรับคุณพ่อลูกอ่อน "เอ พศิน เรืองวุฒิ" หลังถูกรายการแนวท่องเที่ยว Like สาระ Siam Signature Story ซึ่งออกอากาศทางช่องเคเบิ้ล โกงเงินค่าตัวพิธีกร ทั้งหมด 30 เทป รวมมูลค่ากว่า 1,000,000 บาท
โดยล่าสุดขณะที่หนุ่ม เอ พศิน เดินทางมาร่วมบันทึกเทปรากยาร "ปากโป้ง" ทางช่อง 8 เจ้าตัวก็ได้ถือโอกาสออกมาเปิดใจถึงเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมทั้งยืนยันอีกว่างานนี้จะขอเดินหน้าทวงคืนความถูกต้องให้ถึงที่สุด...
"เรื่องนี้เริ่มต้นเมื่อ 2 ปีก่อนครับ พอดีว่ามีน้องเอ็กซ์ตร้ารายการเกมส์โชว์ท่านหนึ่งเขาอยากมีรายการเป็นของตัวเอง เขาก็เลยมาติดต่อให้ผมช่วยไปเป็นพิธีกร โดยจะต้องถ่ายเดโม่ก่อน 2 เทป เพื่อส่งให้ทางช่องพิจารณา ซึ่งเขาก็ให้ค่าตัวผมมาด้วย 2 เทป ผมก็เลยมองว่าระบบมันค่อนข้างหน้าเชื่อถือ จากนั้นเราก็ถ่ายทำกันมาเรื่อยๆ โดยมีแพลนว่าจะถ่ายกันทั้งหมดประมาณ 30 เทป แต่หลังจากที่เราถ่ายทำกันมาเรื่อยๆ ผมก็เริ่มเอะใจว่าทำไมรายการถึงไม่มีสปอนเซอร์ทั้งๆ ที่เราถ่ายทำกันหลายประเทศมากๆ แถมตัวผมเองก็ยังไม่ได้ค่าตัว"
"จนประมาณใกล้ๆ เทปที่ 30 เขาก็มาเล่าแบรคกราวด์ชีวิตเขาให้ผมฟัง ซึ่งดราม่ามาก เขาถูกครอบครัวตัดห่างปล่อยวัดเพราะเขาเป็นเพศที่สาม แต่ถ้าสามาารถพิสูจน์ตัวเองด้วยรายการทำรายการนี้ได้ คุณพ่อเขาก็ให้เงิน 30 ล้านบาท เพื่อทำรายการ ซึ่งเรื่องนี้ทีมงานทุกคนทราบหมด ทุกคนก็หวังว่าจะเดี๋ยวเราจะได้เงิน ส่วนผมก็หวังว่าจะได้เงินค่าตัว 7 หลัก โดยคิดเป็นเทปละประมาณ 25,000 บาท บวกเงินค่ากำกับอีกนิดหน่อย เพราะเขาไม่มีผู้กำกับ รวมๆ แล้วก็ตกเป็นเงินประมาณเกือบ 30,000 บาท ซึ่งถือว่าราคาย่อมเยามากๆ"
"แต่หลังจากที่เราถ่ายทำกันมาประมาณปีกว่าๆ ช่วงเดือนเมษายนปีที่แล้ว ก็มีการจัดทัวร์เกาหลีเกิดขึ้น เขาจัดบริษัททัวร์ขึ้นมา เอาเงินจากลูกทัวร์ แต่ก็มีปัญหาตามมาอีกว่า ทำไมถึงไม่ไป ทำไมถึงไม่บินสักที อยู่ดีๆ ก็แคนเซิลไฟท์ รายการกำลังจะไปถ่ายที่ฮ่องกงก็ถูกแคนเซิล ตอนนั้นผมเลยรู้สึกว่ามันแปลกๆ จึงตัดสินใจโทรหาบริษัททัวร์ที่เข้ามาเป็นสปอนเซอร์ ซึ่งปรากฏว่าบริษัททัวร์ไม่ทราบเรื่องเลย แถมยังบอกวอีกว่าเขาไม่ได้เป็นสปอนเซอร์ตั้งแต่เทปแรก หลังจากนั้นครับเขาก็หายไป รายการที่ถ่ายไว้ก็ถูกยุบ แต่เขาก็มาคุยมาขอโทษนะครับ บอกว่าเขาไม่น่าโกหกเลย รวมถึงรับปากผมว่าจะชดใช้ให้ คือดูน่าสงสารมากจริงๆ แต่ตอนนี้ผ่านมา 2 ปีแล้วครับ ยังไม่มีการติดต่อใดๆ จากเขาเลย"
"เท่าที่ทราบตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าเขาเองก็เริ่มชดใช้ให้กับบางท่านที่ทวงถาม หรือบางท่านที่ฟ้องร้อง เพราะมีการไปขึ้นศาลกันด้วย รวมถึงมีการถูกจับที่ ตม. ซึ่งเรื่องพวกนี้ผมไม่ค่อยทราบข้อมูลสักเท่าไหร่เพราะผมงานยุ่ง แต่เหมือนว่าช่วงนี้มันจะเป็นช่วงดีเดย์หรือยังไงไม่ทราบ ผมถึงได้เห็นจุดด่างที่ชัดเจนว่ามันยังมีอะไรที่ติดค้างกันอยู่ ซึ่งเขาก็น่าจะมาแก้ไขรับผิดชอบในเรื่องนี้ได้แล้ว คือคุณไม่มีเงินไม่ผิดครับ ไม่มีโอกาสเราให้ได้ แต่การที่คุณโกง คุณโกหก คือเรื่องผิดครับ คุณต้องรับผิดชอบในสิ่งที่คุณทำ"
ตอนนี้เราดำเนินการไปแล้วยังไงบ้าง ?
"นี่คือการดำเนินการครั้งแรกของผมครับ ผมอยากให้เขารับรู้ แต่ว่ายังไม่ได้มีการฟ้องร้องคดีอะไรเลย เพราะเท่าที่ผมทราบท่านอื่นๆ ที่เขาเคยติดค้างอยู่ก็มีการชดใช้ใกล้จะหมดแล้ว แต่ของผมยังไม่มีท่าทีอะไรเลย ดังนั้นก็อยากรู้ว่าเขาจะเข้ามาคุยกันหน่อยไหม เพราะที่ผ่านมาตัวผมเองก็ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับสื่อใดๆ และดูเขาเพิกเฉยเกินไปก็เท่านั้นเอง"
เราถ่ายไป 30 เทป ไม่เอะใจเลยเหรอ ?
"เอะใจครับ แต่ตอนนั้นผมไม่คิดว่าผมจะไม่ได้เงิน ยิ่งเรารู้สึกไว้ใจเขา เราอยากให้โอกาสเขาด้วย เพราะผมเคยส่งเขาไปบำบัดเรื่องการไม่เชื่อมั่นในตัวเองด้วยนะ"
กลัวไหมว่าหลังจากนี้เขาจะไปทำกับคนอื่นอีก ?
"ที่ผมต้องออกมาพูดวันนี้ก็เพราะผมทราบว่าเขาเองก็ยังใช้ชีวิตแบบปกติอยู่ แล้วเขาอาจจะเอาโปรไฟล์รายการนี้ไปต่อยอดทำอะไรอย่างอื่น ซึ่งเขาทำได้นะครับผมไม่ว่า แต่อยากให้เขาเคลียร์ปัญหาเก่าๆ ก่อน ผมไม่อยากให้ติดค้างกันไปถึงชาติหน้า"
จะเดินหน้าติดต่อเขาต่อไปไหม เพื่อที่จะคุยกัน ?
"เขาต้องติดต่อผมมา เพราะผมทำมากที่สุดได้แค่นี้ ถ้าเขาไม่รับผิดชอบก็เป็นกรรมของคุณแล้วล่ะ แต่ถามว่าจะมีการดำเนินคดีไหม ก็คงไม่ครับ นี่คงเป็นการพิพากษาขั้นรุนแรงที่สุดของผมแล้ว ถ้าเขามีสำนึกเขาต้องติดต่อกลับมาและชดใช้ ส่วนเรื่องเงินผมเชื่อว่ายังไงก็ไม่มีทางได้ครบครับ"
เรากลัวไหมว่าเราจะโดนเขาฟ้องร้องกลับ ?
"ฟ้องมาเลยครับ ผมมีพยานเยอะครับ เป็นพยานบุคคล แต่ว่าผมไม่มีเอกสารหลักฐานหรืออะไร เพราะผมไม่เคยทำสัญญา เวลาผมเล่นละคร ออกรายการ ผมก็ไม่มีสัญญา ผมใช้ความเชื่อใจมาตลอด จนกระทั่งทุกวันนี้ ใจสำคัญที่สุด เขาทำลายตรงนี้ไป ฉะนั้นเขาต้องใช้ใจมารับผิดชอบ"
ก่อนเราจะมาออกรายการวันนี้เราได้ติดต่อเขาไหม ?
"ผมโทรไปตลอดครับ เขาปิดมือถือครับ คือเดี๋ยวนี้มือถือมันเปลี่ยนกันง่ายๆ แต่หน้าตาเปลี่ยนไม่ได้ครับ เว้นแต่คุณจะศัลยกรรม"
เห็นว่าก่อนหน้านี้ที่เราโพสต์อินสตาแกรมเรื่องค่าตัวนักแสดง เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า ?
"อ๋อ...อันนั้นเป็นการทวงตามปกติครับ เพราะผมคือหนึ่งในนักแสดงที่ได้ค่าตัวช้า ดังนั้นผมก็อยากให้ทางค่าย ทุกค่ายเลยนะครับ ช่วยมีความชัดเจนในการชำระเงินค่าตัวนักแสดง แต่หลังจากที่ผมโพสต์ไปก็เช็คออกเลยครับทั้ง 2 ช่อง (ยิ้ม) คือผมแค่ต้องการบอกให้เขารู้เฉยๆ ว่านักแสดงลำบากจริงๆ ถ้าระบบการจ่ายค่าตอนเป็นแบบนี้ต่อไป"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น